Cryptocurrency สกุลเงินดิจิตอล
จุดเริ่มต้นของ Cryptocurrency สกุลเงินดิจิตอล
เมื่อปี ค.ศ. 1998 สำนักพิมพ์ Wei Dai ได้ตีพิมพ์คำว่า b-money ซึ่งเป็นระบบสกุลเงินดิจิตอล หลังจากนั้นอีกไม่นาน Nick Szabo ได้สร้าง bit gold ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับ Bitcoin และ Cryptocurrencies จุดประสงค์ของ bit gold นั้นก็เพื่อนำมาซื้อขายทองคำ และเป็นระบบสกุลเงินดิจิตอล ในปี ค.ศ. 2009 Bitcoin ถูกสร้างขึ้นโดย Satoshi Nakamoto เป็นการเข้ารหัสแบบ SHA-256 ในการพิสูจน์ตัวตน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2011 Namecoin ถูกสร้างขึ้น เพื่อให้ DNS มีการทำงานแบบกระจาย ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องง่ายและสะดวกขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นในเดือนตุลาคม 2011 บริษัท Litecoin ประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรก ในการเป็น cryptocurrency โดยเข้ารหัสแบบ SHA-256 แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่แห่งที่ประสบความสำเร็จเนื่องจากมีการนำนวัตกรรมด้านเทคนิคมาใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2014 สหราชอาณาจักรประกาศให้ Treasury ทำการศึกษา Cryptocurrencies ในสหราชอาณาจักร
การซื้อขาย Cryptocurrency สกุลเงินดิจิตอล
ผู้แทนธนาคารกลางระบุว่าการใช้ Cryptocurrencies เช่น Bitcoin เป็นความท้าทาย และอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง และต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า การซื้อขายโดยใช้สกุลเงินสกุลดิจิตอลเป็นที่นิยมมากขึ้น การใช้งาน Cryptocurrency อย่างกว้างขวางจะทำให้การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศทำได้ยากขึ้น สกุลเงินดิจิตอลก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ ๆ ต่อการควบคุมอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราของธนาคารกลาง
Jordan Kelley ผู้ก่อตั้ง Robocoin ได้เปิดตัวตู้ ATM Bitcoin แห่งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ตู้ที่ติดตั้งในออสตินเท็กซัส มีลักษณะคล้ายกับตู้เอทีเอ็มของธนาคาร แต่มีเครื่องสแกนเนอร์เพื่ออ่านบัตรประจำตัวที่ออกโดยรัฐบาลเช่น ใบอนุญาตขับขี่หรือ หนังสือเดินทางในเดือนกันยายน ค.ศ. 2017 ได้มีการติดตั้งตู้เอทีเอ็ม Bitcoin จำนวน 1574 แห่งทั่วโลกโดยมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 9.05% โดยมีการติดตั้งตู้ ATM Bitcoin เฉลี่ย 3 ตู้ต่อวันในเดือนกันยายน ค.ศ. 2017
ความเสี่ยง และกฎหมายของ Cryptocurrency สกุลเงินดิจิตอล
สถานะทางกฎหมายของ Cryptocurrencies แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและยังไม่ได้มีกฎหมายรองรับในหลายประเทศ ในขณะที่บางประเทศอนุญาตให้ใช้และซื้อขายได้อย่างเสรี แต่บางประเทศก็ห้ามหรือ มีข้อจำกัดไว้ ในทำนองเดียวกันหน่วยงานรัฐบาลในบางประเทศ เช่นธนาคารกลางของจีนได้สั่งห้ามการซื้อขาย Bitcoins
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 2014 ที่สหรัฐอเมริกาโดย Internal Revenue Service (IRS) ตัดสินว่า Bitcoin ถือว่าเป็นทรัพย์สินซึ่งหมายความว่า Bitcoin สามารถซื้อขายกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไปว่าเงินลงทุนหรือผลกำไรที่ทำจาก Bitcoins นั้นจะผิดกฎหมาย