Forex พื้นฐาน, Forex เบื้องต้น
เริ่มต้นเทรด Forex
ก่อนที่เราจะเริ่มต้นเทรด Forex เรามาทำความรู้จักกับ Forex กันก่อนนะครับว่า ฟอเร็กซ์ (Forex) คืออะไร ? Forex ย่อมาจากคำว่า Foreign Exchange Market หมายถึง ตลาดซื้อ-ขายสกุลเงินตราต่างประเทศ เช่น การซื้อ-ขายสกุลเงิน EUR/USD, USD/JPY เป็นต้น ผ่านเครื่องมือเทรด MT4, MT5 หรือ cTrader ซึ่งมี Indicators (เครื่องมือช่วยวิเคราะห์กราฟราคา) ให้ใช้งานอยู่เป็นจำนวนมากตามความถนัด
ประวัติความเป็นมาของ Forex หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองสกุลเงินหลัก ๆ ในต่างประเทศ ก็ถูกควบคุมโดยราคาของทองคำ ภายใต้สนธิสัญญาระหว่างประเทศที่นำมาใช้ในการประชุมที่ Bretton Woods ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ในปี 1971 การซื้อ-ขาย สกุลเงินตราต่างประเทศเริ่มมีการซื้อ-ขายกันอย่างแพร่หลาย การซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศก็เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น
ด้วยการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวางในปี 1990 ธนาคารและบริษัทขนาดเล็กได้เริ่มสร้างและใช้แพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ (Forex) ผ่านอินเตอร์เน็ตให้เป็นแบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีและความทันสมัยได้สร้างโบรกเกอร์ใหม่ๆเกิดขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปสามารถซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (Forex) ได้เป็นครั้งแรก วันนี้โบรกเกอร์ต่างๆที่เราสามารถพบเห็นได้ในแทบทุกมุมของโลก นับเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มปริมาณการซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศ (Forex)
พื้นฐาน Forex
จิตวิทยาและการควบคุมอารมย์ ความกลัวและความโลภเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการเทรด Forex ถ้าเราสามารถควบคุมอารมย์เหล่านี้ได้ก็มีโอกาสอยู่รอดในตลาด Forex สูง
1. การรอคอยเวลา ถือว่าเป็นวินัยการเทรด Forex อย่างหนึ่ง ในเมื่อราคาของคู่สกุลเงินหรือหุ้นยังไม่เป็นไปตามแผนที่เรากำหนดไว้ ก็ไม่ควรรีบร้อนเปิดคำสั่งซื้อขาย (Order) เราควรอดทนรอราคาให้มาถึงตามที่เราได้กำหนดไว้ เช่น การย่อตัวของกราฟ 38.2 Fibonacci Retracement เป็นการย่อตัวตามแนวรับและแนวต้านแล้วเราจึงค่อยเปิดคำสั่งซื้อขาย หากเราไม่อยากเสียเวลานั่งเฝ้ากราฟ เราอาจะตั้งคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า (Pending Order) ก็อาจเป็นได้
2. การเอาชนะความกลัว ในเมื่อเราคำนวณราคาตามสูตรของเราได้แล้ว ฉะนั้นเราก็ต้องมีความมั่นใจในสูตรของเรา และตัดสินใจทันทีที่จะเปิดคำสั่งซื้อขาย (Order) ทันทีเมื่อโอกาสมาถึง
3. การขจัดความโลภ ในบางครั้งการเทรด Forex เมื่อเราปิดทำกำไร (Take Profit)ได้ตามเป้าหมายแล้ว เราก็ควรหยุดการเทรดก่อนเพื่อรอดูทิศทางของราคาว่าจะวิ่งไปต่อหรือย่อตัวลงมาแล้วเราจึงค่อยคำนวณหาราคาเพื่อเปิดคำสั่งซื้อขาย (Order) อย่างนี้ถึงจะมีโอกาสอยู่รอดในตลาดสูง
และในบางครั้งอีกเช่นกัน หากคำสั่งซื้อขาย (Order) ที่เราเปิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามราคาที่เราวางแผนไว้ ราคาอาจจะวิ่งเข้าหา (Stop Loss) เนื่องจากมีสิ่งที่เราไม่คาดคิดเข้ามากระทบต่อราคาของหุ้น Forex เช่นการประกาศข่าวตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ (ข่าว Forex) หรือกราฟอาจมีการเปลี่ยน Trend Day Trend Week โดยที่เราคาดไม่ถึง เมื่อเป็นเช่นแล้วเราควรจะยอมรับและปิดขาดทุนที่ (Stop Loss) และไม่ควรขยับ Stop Loss เพื่อรักษาเงินทุนของพอร์ตเราเอาไว้
วิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex
การฝากเงิน-ถอนเงิน (Deposit-Withdrawal) สามารถรองรับการฝากเงิน-ถอนเงินผ่านธนาคารในประเทศไทยได้ เพื่อความสะดวกสำหรับนักเทรดเดอร์ และควรมีช่องทางการฝากเงิน-ถอนเงินอื่นๆเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักเทรดเดอร์หลายๆช่องทาง เช่น Credit/Debit Cards, Neteller, Skrill, WebMoney เป็นต้น
ระยะเวลาการฝากเงิน (Deposit) ไม่ควรเกิน 1 วัน และระยะเวลาการถอนเงิน (Withdrawal) ไม่ควรเกิน 3 วัน ขอแนะนำโบรกเกอร์ XM, FBS และ Exness ที่เราแจ้งถอนเงินแล้วเงินเข้าบัญชีของเราภายใน 24 ชม.ผ่านธนาคารในประเทศไทย
การบริการให้ความช่วยเหลือ การตอบคำถามนักเทรดเดอร์ทางด้านเทคนิค การปฏิเสธคำสั่งซื้อขาย (Requote) ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของบัญชี ความล่าช้าของการฝากเงิน-ถอนเงิน และคำถามทั่วไป ให้หายข้อข้องใจในรูปแบบภาษาไทย
ขอแนะนำโบรกเกอร์ XM, FBS และ Exness ที่มีบริการให้ความช่วยเหลือลูกค้าในรูปแบบภาษาไทยผ่าน Chat
ศัพท์ Forex เบื้องต้น
Bid คือราคาที่โบรกเกอร์เสนอขายให้กับเทรดเดอร์ เป็นราคาที่เราเปิดคำสั่ง Sell หรือ Short
Ask คือราคาที่โบรกเกอร์เสนอซื้อให้กับเทรดเดอร์ เป็นราคาที่เราเปิดคำสั่ง Buy หรือ Long
Spread คือความห่างระหว่าง Bid กับ Ask คือค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์ได้จากเทรดเดอร์ ถ้าหาก Spread ห่างมากเทรดเดอร์ก็จะเสียค่าธรรมเนียมในการเปิดคำสั่งซื้อขาย (Order) ให้กับโบรกเกอร์มากขึ้นด้วย
Leverage คือ อำนาจการซื้อขายที่ทางโบรกเกอร์ให้กับเทรดเดอร์ ซึ่งจะช่วยให้นักเทรดเดอร์เปิดคำสั่งซื้อขายในจำนวนเงินที่มากกว่าจำนวนเงินจริงที่มีอยู่ในพอร์ต จึงมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น แต่ในทางกลับกันหากคำสั่งซื้อขาย (Order)ที่เปิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โอกาสที่จะขาดทุนก็มีมากขึ้นด้วย
Balance คือ จำนวนเงินที่เหลืออยู่ในพอร์ตแต่ยังไม่รวมกับกำไร-ขาดทุนของคำสั่งซื้อขาย (Order) ที่เปิดค้างไว้
Equity คือ Balance รวมกับกำไร-ขาดทุนของคำสั่งซื้อขาย (Order) และค่า Swap ที่เปิดค้างไว้
Swap คือค่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่อสัญญา (Rollover) ให้กับคำสั่งซื้อขายที่มากกว่า 1 วัน ถูกสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ของการเปิดคำสั่งซื้อขายทิ้งเอาไว้ มากกว่าหนึ่งวัน
ค่า Swap อาจจะเป็นบวกหรือลบก็ได้ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางและปัจจัยอื่น ๆ เนื่องจากธนาคารกลางเป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยในแต่ละประเทศจึงนำไปสู่สถานการณ์ที่แตกต่างกันระหว่างอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่แตกต่างกัน
Free margin คือ จำนวนเงินที่โบรกเกอร์ให้นักเทรดเดอร์ยืมเพื่อใช้สำหรับซื้อขายในตลาด Forex รวมกับเงิน Balance ในพอร์ต Free margin = Balance + Credit
Margin คือ จำนวนเงินทั้งหมดหักจากจำนวนเงินที่โบรกเกอร์ให้ยืม และรวมกับกำไร-ขาดทุนของคำสั่งซื้อขาย (Order) และค่า Swap ที่เปิดค้างไว้ Margin = Equity - Free margin
Margin Level(%) = (Equity / Margin) x 100